OUR BLOG

5 เทรนด์ Generative AI ที่คนไทยควรจับตามองในปี 2025

Table of Contents

     ในปี 2025, Generative AI จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการพัฒนาเทคโนโลยีทั้งในธุรกิจและการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในประเทศไทยที่กำลังเติบโตในด้านดิจิทัลและนวัตกรรม การนำ Generative AI มาปรับใช้ในภาคธุรกิจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนาสินค้าและบริการ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปดู 5 เทรนด์ของ Generative AI ที่จะเกิดขึ้นในปี 2025 ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจในไทยเตรียมตัวให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงในวงการ AI

5 เทรนด์ของ Generative AI ที่น่าจับตามองในปี 2025

Trend Generative AI

1. จาก AI-Infused เป็นการพัฒนาแอปพลิเคชัน AI-First Application

จาก AI-Infused เป็นการพัฒนาแอปพลิเคชัน AI-First Application

     จากปี 2024 หลายแอปพลิเคชันได้นำ Genertative AI มาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา (Al-Infused) โดยเป็นฟีเจอร์เสริม เช่น ChatBot ที่ช่วยในการตอบคำถามและบริการลูกค้า

     ในปี 2025, แอปพลิเคชันที่ใช้ Generative AI จะไม่ใช่แค่ฟีเจอร์เสริมอีกต่อไป แต่จะเป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจ การพัฒนา AI-First Applications จะทำให้ Generative AI กลายเป็นส่วนสำคัญในทุกแอปพลิเคชัน โดยที่นักพัฒนาจะมองว่า AI เป็นเครื่องมือหลักที่ขาดไม่ได้ และจะใช้ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (large language models) เพื่อให้กระบวนการทำงานมีความฉลาดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น Generative AI จะไม่จำกัดแค่ ChatBot หรือผู้ช่วย AI ที่ใช้ RAG (Retrieval-Augmented Generation) ในการตอบคำถามอีกต่อไป แต่จะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาแอปพลิเคชันสมัยใหม่

     ตัวอย่างของแทรนด์นี้ คือ การพัฒนา เครื่องมือช่วยเขียนโค้ด เช่น GitHub Copilot และ Tabnine ที่เคยเป็นแค่ปลั๊กอินหรือฟีเจอร์เสริม แต่ในตอนนี้ AI-first integrated development environments อย่าง Cursor และ Windsurf ได้รวมการสร้างโค้ดเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนาอย่างเต็มที่ และแนวโน้มนี้จะขยายไปยังซอฟต์แวร์อื่น ๆ นอกเหนือจากเครื่องมือเขียนโค้ดและ IDEs ด้วย

2. การเพิ่มขึ้นของการใช้บริการผ่านซอฟต์แวร์ (Service as Software)

การเพิ่มขึ้นของการใช้บริการผ่านซอฟต์แวร์ (Service as Software)

     แนวคิด “Service as Software” กำลังก้าวสำคัญในโลกธุรกิจ โดยซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์จะกลายเป็นเครื่องมือที่สามารถดำเนินการงานต่าง ๆ ได้โดยอัตโนมัติผ่าน AI agents ตัวอย่างเช่น

  • Salesforce’s Agentforce ที่ช่วยให้ลูกค้าสร้าง AI agents เพื่อดำเนินการตามข้อมูลจาก CRM ได้โดยไม่ต้องใช้มนุษย์เข้ามามีส่วนร่วม
  • ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) – ใช้ AI ในการให้บริการลูกค้าผ่าน Chatbot ที่ชื่อว่า “แม่มณี” ซึ่งช่วยตอบคำถามและให้บริการต่างๆ โดยอัตโนมัติ
  • บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) – ใช้ AI ในการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ และการบริหารจัดการคลังสินค้า ตรวจสอบคุณภาพของชาเขียวและเครื่องดื่มอื่นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ตลาดมีคุณภาพสูงสุดและใช้ AI agents ช่วยในการจัดการสินค้าคงคลังและการจัดส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

     การผสาน AI agents กับแพลตฟอร์ม SaaS จะเปลี่ยนแปลงวิธีการให้บริการโดยลดขั้นตอนการทำงานด้วยมือ และเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจไทย Generative AI จะช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและคาดการณ์แนวโน้มตลาดได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ธุรกิจทำงานได้เร็วขึ้นและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น.

เริ่มต้นนำ ChatGPT Tasks มาใช้ในธุรกิจของคุณวันนี้!
✅ สำรวจแพ็กเกจบริการ ChatGPT และ AI Agent ที่เหมาะกับองค์กรของคุณ

3. การผสมผสาน AI เข้ากับการโต้ตอบแบบเรียลไทม์

การผสมผสาน AI เข้ากับการโต้ตอบแบบเรียลไทม์

     ในปี 2025, AI จะไม่เพียงแค่ตอบคำถามแบบเดิม ๆ แต่การผสมผสาน AI เพื่อโต้ตอบกับผู้ใช้แบบ เรียลไทม์ จะกลายเป็นเทรนด์สำคัญ โดยเฉพาะในธุรกิจบริการ เช่น การให้บริการลูกค้าผ่านแชท หรือการแนะนำสินค้าผ่าน AI ที่สามารถพูดและเข้าใจเสียงได้ การพัฒนาเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจบริการในไทยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันที และทำให้ประสบการณ์การใช้งานเป็นธรรมชาติมากขึ้น

     AI agents จะช่วยให้การโต้ตอบแบบเรียลไทม์และการเข้าใจเสียงกลายเป็นส่วนสำคัญในการปรับปรุงการบริการลูกค้า ตัวอย่างเช่น พนักงานขายสามารถสั่งงานด้วยเสียงเพื่อให้ AI agent สร้างข้อเสนอการขายที่ปรับแต่งได้ทันที ช่วยให้ธุรกิจทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น.

  • ทรู คอร์ปอเรชั่น (True Corporation) – ใช้ AI ในการให้บริการลูกค้าผ่าน Chatbot และ Voicebot ที่สามารถพูดและเข้าใจเสียงได้ เพื่อให้การบริการลูกค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันสมัย ดูเพิ่มเติม
  • บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Central Retail Corporation) -เป็นเจ้าแรกที่ ใช้ Tops Chef Bot เป็น AI agents ในการแนะนำสินค้าและตอบคำถามลูกค้าผ่าน Chatbot ดึง Generative AI พลิกโฉมวงการค้าปลีก ด้วยเทคโนโลยี Next-Gen Omnichannel

4. การสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ด้วย Generative UI

5 เทรนด์ของ Generative AI ที่คนไทยควรจับตามองในปี 2025

     เทคโนโลยี Generative UI จะเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เฟซกับแอปพลิเคชันในประเทศไทย โดยแอปจะสามารถปรับแต่ง UI ให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน เช่น ระบบการจองโรงแรมออนไลน์ที่สามารถแนะนำห้องพักที่เหมาะสม หรือการเลือกซื้อสินค้าที่ตรงกับความสนใจและพฤติกรรมของผู้บริโภค

     การพัฒนา Generative UI จะช่วยให้แอปพลิเคชันสามารถสร้างองค์ประกอบของอินเทอร์เฟซ เช่น ฟอร์ม แดชบอร์ด หรือกราฟที่ปรับให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้และการทำงานอย่างเป็นระบบ การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับแอปพลิเคชันได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองตามสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ทันที

  • บริษัทอย่าง Vercel และ Bolt.new กำลังก้าวนำในการพัฒนาแพลตฟอร์มที่สร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้และทำให้การทำงานสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

5. การรวม AI Agents เข้ากับกระบวนการองค์กรแทนที่ Retrieval-Augmented Generation

การรวม AI Agents เข้ากับกระบวนการองค์กรแทนที่ Retrieval-Augmented Generation

     AI agents จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจไทยโดยการจัดการกระบวนการต่าง ๆ เช่น การประมวลผลข้อมูล การตัดสินใจทางการเงิน และการให้บริการลูกค้า ทำให้การทำงานในองค์กรรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น

    ในปี 2025, AI agents จะเริ่มแทนที่ Retrieval-augmented generation (RAG) ในการเสริมประสิทธิภาพของ LLMs โดยการฝัง AI agents เข้าไปในแอปพลิเคชันขององค์กร เพื่อให้สามารถทำงานเฉพาะได้ในสภาพแวดล้อมซอฟต์แวร์และใช้ข้อมูลจากองค์กรเพื่อให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ตัวอย่างเช่น AI agent ในเครื่องมือวางแผนการเงิน สามารถเข้าถึงข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์และทำการซื้อขายตามกลยุทธ์ที่กำหนด ทำให้กระบวนการนี้มีความรวดเร็วและแม่นยำกว่าผู้ช่วยแบบ RAG แบบเดิม

สรุป

     ในปี 2025, Generative AI จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนธุรกิจในประเทศไทย ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การผสมผสาน AI กับการตัดสินใจและการโต้ตอบแบบเรียลไทม์จะเป็นสิ่งที่ธุรกิจในไทยไม่สามารถมองข้ามได้

     การนำ Generative AI มาใช้ในกระบวนการหลัก เช่น การออกแบบแอปพลิเคชันและการให้บริการ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ แม้จะมีความท้าทายในด้านการรวมระบบและความปลอดภัย การเตรียมพร้อมในการพัฒนาทักษะพนักงานจะทำให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้เต็มที่และรับมือกับความท้าทายอย่างมีประสิทธิภาพ.

บทความเนื้อหาบางส่วนนี้อ้างอิงมาจากบทความใน Forbes 5 Generative AI Trends To Watch Out For In 2025.

     หากคุณต้องการนำ Generative AI มาช่วยขับเคลื่อนการทำงานหรือธุรกิจในไทย ติดต่อ GPT Local Billing เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ ChatGPT และแพ็กเกจที่เหมาะกับคุณ

ติดต่อบริการ GPT Local Billing
หากคุณต้องการใช้งานแพลตฟอร์ม AI ติดต่อเราได้ที่ GPT Local Billing เพื่อรับคำแนะนำและแพ็กเกจที่เหมาะกับคุณ
Share :
Related Post
ChatGPT Image Generation 2025
ChatGPT Image Generation ฟีเจอร์ใหม่ที่จะเปลี่ยนการสร้างภาพด้วย AI ในปี 2025

ChatGPT Image Generation ฟีเจอร์ใหม่จาก OpenAI ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2025 ที่ผ่านมา ที่ช่วยให้คุณสร้างภาพด้วย AI ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

Read More
5 เทรนด์ Generative AI ที่คนไทยควรจับตามองในปี 2025

สำรวจ 5 เทรนด์ของ Generative AI ที่น่าจับตามองในปี 2025 สำหรับธุรกิจและองค์กรในประเทศไทย พร้อมเคล็ดลับการใช้เหมาะสมกับธุรกิจไทย เพื่อเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี AI ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันและธุรกิจ

Read More
ติดต่อใช้บริการ
Local Billing กับ GPT.in.th